วรรณกรรมกับวรรณคดี: ความแตกต่างที่เราควรรู้
โดย ผศ.ดร. จันทร์พา ทัดภูธร
ผมแน่ใจว่าท่านผู้อ่านคงเห็นด้วยกับผมในประเด็นที่ว่าการใฝ่รู้เป็นเรื่องที่ดีงาม โดยเฉพาะในเรื่องภาษา ในฐานะผู้ที่สนใจในภาษาและวรรณศิลป์ ผมมองว่าการทำความเข้าใจคำศัพท์พื้นฐานถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง อย่างที่เรารู้กันดี คำว่า "วรรณกรรม" และ "วรรณคดี" เป็นคำที่คนส่วนใหญ่มักใช้สลับกัน หรืออาจจะเข้าใจว่ามีความหมายเดียวกัน แต่ในทางทฤษฎีแล้ว ทั้งสองคำนี้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน และผมตั้งใจจะทำให้ชัดเจนในบทความนี้ครับ
วรรณกรรม: งานเขียนทั้งหมดที่เกิดจากความคิด
วรรณกรรม (Literature) คือคำที่ครอบคลุมและกว้างขวางที่สุดครับ โดยพื้นฐานแล้ว ผมยืนยันว่า วรรณกรรมคือ งานเขียนทุกประเภทที่เกิดจากการรังสรรค์ทางความคิดและจินตนาการ ไม่ว่าจะเป็นงานเขียนที่มีจุดประสงค์เพื่อความบันเทิง ให้ความรู้ หรือแม้แต่การถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิต ถ้าพูดแบบง่ายๆ เราก็สามารถพูดได้ว่า วรรณกรรมคือ "งานเขียน" (Written Work) นั่นเองครับ
โดยทั่วไปในทางวิชาการ เราสามารถแบ่งวรรณกรรมได้เป็นสองประเภทกว้างๆ ตามลักษณะการนำเสนอ:
วรรณกรรมลายลักษณ์: งานเขียนที่เป็นตัวอักษร บันทึกไว้ในรูปแบบที่คงทน เช่น หนังสือ ตำรา หรือบทความ
วรรณกรรมมุขปาฐะ: งานที่เล่าต่อกันด้วยปากเปล่า ซึ่งต่อมาอาจถูกบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร เช่น นิทานพื้นบ้าน ตำนาน หรือเพลงกล่อมเด็ก
นอกจากนี้ เรายังสามารถแบ่งวรรณกรรมตามรูปแบบการประพันธ์ได้อีกครับ:
วรรณกรรมร้อยแก้ว: งานเขียนที่ใช้ภาษาแบบเรียงความทั่วไป ไม่มีการกำหนดสัมผัสหรือบังคับฉันทลักษณ์ เช่น นวนิยาย เรื่องสั้น สารคดี หรือแม้แต่ข่าว บทความต่างๆ ที่เราอ่านกันอยู่ทุกวัน ในความคิดของผม งานเขียนที่ไม่ใช่เรื่องแต่ง (Non-fiction) เช่น สารคดี ข่าว บทความ ก็ถูกรวมอยู่ในคำว่า "วรรณกรรม" ด้วยเช่นกันครับ
วรรณกรรมร้อยกรอง: งานเขียนที่มีการกำหนดฉันทลักษณ์ สัมผัส และจังหวะอย่างเคร่งครัด เช่น โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน และร่าย
วรรณคดี: งานเขียนที่ได้รับการยกย่อง
แล้ว "วรรณคดี" (Literary Works) คืออะไร? นี่คือจุดที่เกิดความแตกต่างที่สำคัญครับ
ส่วนตัว ผมเชื่อว่า วรรณคดีไม่ได้หมายถึงงานเขียนทุกชิ้น แต่หมายถึง "วรรณกรรมที่ได้รับการคัดเลือกและยกย่องว่าดีเยี่ยม" หรือที่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มองว่ามีคุณค่าทางวรรณศิลป์สูง มีเนื้อหาสาระลึกซึ้ง และเป็นแบบอย่างในการศึกษา
สิ่งที่เรารู้และเห็นด้วยกันทั้งหมด คือ การจะถูกจัดให้เป็น "วรรณคดี" นั้น งานเขียนชิ้นนั้นจะต้องผ่านการยอมรับจากสังคม หรือผ่านเกณฑ์การพิจารณาของนักวิจารณ์และผู้เชี่ยวชาญด้านวรรณกรรม ว่ามีความโดดเด่นในด้านใดด้านหนึ่ง เช่น:
คุณค่าทางวรรณศิลป์: มีการใช้ภาษาที่สละสลวย งดงาม การสร้างภาพพจน์ที่ยอดเยี่ยม และมีกลวิธีการประพันธ์ที่เหนือชั้น
คุณค่าทางความคิดและอารมณ์: สามารถถ่ายทอดความคิด ปรัชญา หรืออารมณ์ความรู้สึกที่ลึกซึ้ง และยังคงความร่วมสมัยอยู่ได้
คุณค่าทางสังคมและวัฒนธรรม: เป็นเสมือนกระจกสะท้อนสภาพสังคม ประเพณี หรือค่านิยมในยุคสมัยที่ประพันธ์ และยังเป็นแหล่งข้อมูลทางประวัติศาสตร์
ผู้รู้พูดว่า วรรณคดีคือ "วรรณกรรมที่ถูกเลือก" หรือ "วรรณกรรมชั้นสูง" นั่นเองครับ ยกตัวอย่างเช่น สามก๊ก, พระอภัยมณี, หรือ ลิลิตพระลอ นี่คือตัวอย่างของวรรณคดีที่ได้รับการยกย่องมาอย่างยาวนาน
ความแตกต่าง
เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ ผมขอสรุปความแตกต่างหลักๆ ดังนี้ครับ:
| คุณสมบัติ | วรรณกรรม (Literature) | วรรณคดี (Literary Works) |
| ขอบเขต | กว้างขวาง ครอบคลุมงานเขียนทุกชนิด | แคบกว่า เป็นส่วนหนึ่งของวรรณกรรม |
| เกณฑ์ | เพียงแค่เป็นงานเขียน (ร้อยแก้ว/ร้อยกรอง) ที่เกิดจากความคิด | ต้องได้รับการคัดเลือกและยกย่องว่ามีคุณค่าทางวรรณศิลป์สูง |
| สถานะ | งานเขียนทั่วไป เช่น ข่าว, บทความ, นวนิยายตลาด | งานเขียนที่เป็นแบบอย่าง (Masterpiece) |
| สาระสำคัญ | การบันทึกความคิดหรือเรื่องราว | ความงามทางภาษา คุณค่าทางอารมณ์ และเป็นที่ยอมรับ |
ผมเชื่อมั่นว่า การแยกแยะความหมายของทั้งสองคำนี้ได้อย่างชัดเจน จะช่วยให้เราสามารถชื่นชมและจัดประเภทของงานเขียนได้อย่างถูกต้องมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อมาอย่างยาวนานว่า (แม้ว่าผมอาจจะคิดผิดก็ได้) ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่การจำกัดความเป๊ะๆ เท่านั้น แต่สำคัญที่การที่เราได้ซึมซับและใช้ประโยชน์จากงานเขียนไม่ว่าจะเป็นวรรณกรรมหรือวรรณคดีครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. จันทร์พา ทัดภูธร (Assistant Professor Dr. Janpha Thadphoothon)
อาจารย์ประจำหลักสูตรภาษาอังกฤษธุรกิจ (Business English) คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU

No comments:
Post a Comment