การทำงานคือดอกไม้ของชีวิต
JT Blog - logged and managed by Janpha Thadphoothon, a lecturer at the International College, Dhurakij Pundit University, Bangkok, Thailand
Monday, May 25, 2015
Thursday, May 21, 2015
Wednesday, May 20, 2015
การศึกษาการเตรียมตัวและความพร้อมทางด้านการศึกษาของประเทศสมาชิกอาเซียน
ชื่องานวิจัย
" การศึกษาการเตรียมตัวและความพร้อมทางด้านการศึกษาของประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซ๊ยนในปี พ. ศ. 2558"
งานวิจัยนี้ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจาก ศูนย์วิจัย แห่งมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
เก็บข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลในช่วงปี พ.ศ. 2554-2555
รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ หาอ่านได้จาก
http://libdoc.dpu.ac.th/research/149789.pdf
วัตถุประสงค์ (Aim)
" การศึกษาการเตรียมตัวและความพร้อมทางด้านการศึกษาของประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซ๊ยนในปี พ. ศ. 2558"
งานวิจัยนี้ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจาก ศูนย์วิจัย แห่งมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
เก็บข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลในช่วงปี พ.ศ. 2554-2555
รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ หาอ่านได้จาก
http://libdoc.dpu.ac.th/research/149789.pdf
วัตถุประสงค์ (Aim)
- ประเทศสมาชิกอาเซียนมีความพร้อม(Readiness) และการเตรียมตัว (Preparation)
ทางด้านการศึกษา (Education) เพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี
พ.ศ. 2558 อย่างไร และมีความพร้อม มาก-น้อยเพียงใด
- นำเสนอข้อเสนอแนะทั้งในเชิงนโยบายและการดำเนินงานแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย
- นำเสนอข้อเสนอแนะทั้งในเชิงนโยบายและการดำเนินงานแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย
วิธีการศึกษา (Method) -- งานวิจัยเชิงคุณภาพ (qualitative research)
อาศัยข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ที่หลากหลายเช่น
รายงาน เอกสาร (Desk Study)
การสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ (Interviews of experts)
ผู้เชี่ยวชาญที่ 4 ท่านได้แก่
1. ดร. สมเกียรติ อ่อนวิมล (สัมภาษณ์วันที่ 10 มิถุนายน 2554)
2. นายเทพชัย หย่อง (ผู้อำนวยการไทยพีบีเอส)
3. ดร. วรัยพร แสงนวบวร (ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการศึกษาระหว่างประเทศ สภาการศึกษา)
4. รศ. ดร. วิทยา จีระเดชากุล (ผู้อำนวยการ SEAMEO Secretariat) สัมภาษณ์วันที่ 13 มีนาคม 2555)
ผู้เชี่ยวชาญที่ 4 ท่านได้แก่
1. ดร. สมเกียรติ อ่อนวิมล (สัมภาษณ์วันที่ 10 มิถุนายน 2554)
2. นายเทพชัย หย่อง (ผู้อำนวยการไทยพีบีเอส)
3. ดร. วรัยพร แสงนวบวร (ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการศึกษาระหว่างประเทศ สภาการศึกษา)
4. รศ. ดร. วิทยา จีระเดชากุล (ผู้อำนวยการ SEAMEO Secretariat) สัมภาษณ์วันที่ 13 มีนาคม 2555)
ผลการศึกษาโดยสังเขป (Summary of Findings)
ชาติสมาชิกทั้ง 10 อันได้แก่
1. บรูไน ดารุสซาลาม (Brunei
Darussalam)
2. ราชอาณาจักรกัมพูชา (The Kingdom
of Cambodia)
3. สาธารณรัฐอินโดนีเซีย (The
Republic of Indonesia)
4. สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (The
Lao People’s Democratic Republic)
5. สหพันธรัฐมาเลเซีย (The
Federation of Malaysia)
6. สหภาพเมียนมาร์ (The Union of
Myanmar)
7. สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (The
Republic of the Philippines)
8. สาธารณรัฐสิงคโปร์ (The Republic
of Singapore)
9. ราชอาณาจักรไทย (The Kingdom of
Thailand)
10. สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (The
Socialist Republic of Viet Nam)
ต่างมีการเตรียมตัวในเชิงนโยบายเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
มีความพร้อมมาก-น้อยแตกต่างกัน
จากการศึกษาค้นคว้า สรุปได้ว่า สภาพเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองของภูมิภาคอาเซียนจะเกิดการเปลี่ยนแปลง อันเป็นผลมาจากกระบวนการโลกาภิวัตน์และภูมิภาคภิวัตน์ (Globalization and Rationalization)
จากการศึกษาค้นคว้า สรุปได้ว่า สภาพเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองของภูมิภาคอาเซียนจะเกิดการเปลี่ยนแปลง อันเป็นผลมาจากกระบวนการโลกาภิวัตน์และภูมิภาคภิวัตน์ (Globalization and Rationalization)
การพิจารณาถึงการเตรียมตัวและความพร้อมทางด้านการศึกษา ผู้วิจัยกำหนดกรอบการวิจัยในการศึกษาเอาไว้ 7 ด้านคือ
1. ด้านนโยบายทางการศึกษา (National Policy)
2. ด้านความพร้อมของครูและบุคลากรทางการศึกษา (Teachers)
3. ด้านหลักสูตรและเนื้อหา (Curriculum and Contents)
4. ด้านการสอน (deliveries)
5. ด้านการบริหารจัดการทางการศึกษา (Management)
6. ด้านสิ่งแวดล้อมทางการศึกษา (Environment)
7. ด้านคุณภาพของนักเรียน - นักศึกษา
1. .ในส่วนของนโยบายทางการศึกษาระดับประเทศนั้น พบว่าทุกประเทศต่างให้ความสำคัญกับการพัฒนาคน โดยมองว่าการพัฒนาคนในชาติคือการพัฒนาประเทศ ทุกชาติสมาชิกมีการระบุถึงการพัฒนาทั้งด้านความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์
ยกตัวอย่างของประเทศไทย ไทยมีการกำหนดคุณลักษณะของพลเมืองที่พึงประสงค์เอาไว้ในแผนการศึกษาของชาติ หลักสูตรแกนกลาง ที่เน้นการบูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง เน้นการพัฒนากระบวนการคิด ทักษะชีวิต เป็นต้น
2. ด้านความพร้อมและการเตรียมตัวของบุคคลากรทางการศึกษา ครูยังมีความพร้อมน้อยในเรื่องความรู้และทักษะอาเซียน ยกเว้นบางประเทศที่มีความพร้อมสูงเช่น สิงคโปร์ บรูไนหรือมาเลเซีย
ในประเด็นนี้พบว่า บางประเทศมีงบประมาณในการพัฒนาครูน้อย ครู/อาจารย์ได้รับเงินเดือนและผลตอบแทนไม่มากนัก
อีกประเด็นคือ บทบาทของครูที่เปลี่ยนแปลงไป จากการมีบทบาทสูงมาสู่การมีบทบาทแคบกว่าเดิม
3. ด้านหลักสูตรและเนื้อหา พบว่ามีการบูรณาการสาระเกี่ยวกับอาเซียนในรายวิชา เช่นของประเทศไทย โรงเรียนตามชายแดนเริ่มสอนภาษาอาเซียน
หลักสูตรระดับปฐมศึกษาของสิงคโปร์ มุ่งเน้นการปลูกฝังค่านิยมที่ดีให้แก่นักเรียน เน้นการปลูกฝังความรับผิดชอบให้กับเด็ก พร้อม ๆ ไปกับการให้ความรู้ทางวิชาการ
4. การสอน พบว่าส่วนใหญ่ยังเน้นการสอนแบบดั้งเดิมคือยึดเอาครูเป็นศูนย์กลาง (teacher-centered instruction) มีการใช้เทคโนโลยีในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร้กี่ยวกับกิจกรรมของอาเซียนให้พลเมืองของตนเองได้รับรู้
5. ด้านการบริหารจัดการ พบว่า ทุกประเทศมีระบบการบริหารการศึกษาที่สอดรับกับนโยบายทางการศึกษาของชาติ
ชาติสมาชิกมีปัญหาและอุปสรรค ความท้าทายที่แตกต่างกัน อินโดนีเซียเป็นประเทศใหญ่ และมีลักษณะประเทศเป็นเกาะมากมาย มีจำนวนนักเรียนมาก จึงประสบปัญหาการบริหาร การจัดสรรงบประมาณ หากเทียบกับมาเลเซียที่มีความคล่องตัวมากกว่า
6. ด้านสิ่งแวดล้อมทางการศึกษา หมายถึงความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับชุมชน
7. ด้านคุณภาพของการศึกษา พบว่ามีความแตกต่างกัน ในมิติของภาษาอังกฤษ โอกาสในการเรียนรู้และศึกษาต่อ การเข้าถึงการศึกษา บางประเทศ เช่น สิงคโปร์มีผลการสอบตามที่วัดโดยข้อสอบมาตรฐานระหว่างประเทศสูง เช่นผลสอบ PISA
ในส่วนของการสอนและด้านสาระนั้น งานวิจัยนี้ได้เสนอโมเดลเพื่อการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนและประชาคมโลก ของไทย ดังนี้
1. ภาษาและวัฒนธรรม (Languages and Cultures)
2. ความรู้ (Knowledge)
3. ทักษะที่จำเป็นสำหรับประชาคมอาเซียนและประชาคมโลก
4. ความเชื่อและเจตคติ (Beliefs and Attitudes)
การสร้างประชาคมอาเซียนที่ยั่งยืนหมายถึงการที่พลเมืองอาเซียนมีความรู้และทักษะทางภาษาที่หลากหลาย นโยบายเกี่ยวกับภาษาและวัฒนธรรมจึงเป็นสิ่งสำคัญ ทุกประเทศเน้นการเรียนการสอนภาษาสากล เช่นภาษาอังกฤษ ภาษาที่มีบทบาททางเศรษฐกิจเช่น ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาเกาหลี ทั้งนี้ต้องไม่ละเลยการเรียนรู้ภาษาประจำชาติและให้ความสำคัญกับภาษาถิ่นในชาติของตน
สำหรับบริบทของไทยเรานั้น เราควร
"อนุรักษ์ภาษาถิ่น เช่น ภาษาเยอ ญอ กุย
เก่งภาษาไทย
ได้ภาษาอังกฤษ (หรือภาษาสากลอื่น ๆ เช่น ภาษาจีน หรือญี่ปุ่น)
กระชับมิตรฟุตฟิตภาษาเพื่อนบ้าน"
การเตรียมความพร้อมทางด้านความรู้หมายถึงความรู้ในเนื้อหาวิชา ทั้งวิชาพื้นฐานและวิชาเฉพาะ เช่นความรู้ทางด้านภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ รวมถึงความรู้เกี่ยวกับอาเซียนเช่น กฎบัตรอาเซียน ความรู้ที่ว่านี้นั้นยังรวมความถึงความรู้เกี่ยวกับชาติของตนเอง ประวัติศสตร์ องค์ประกอบของรัฐ เช่นของไทยก็ควรรู้เรื่องเมืองไทยอย่างถูกต้องและสร้างสรรค์
ในส่วนของทักษะอาเซียนและทักษะสากลนั้น หมายถึง ทักษะข้ามพิสัยต่าง ๆ เช่น การทำงานร่วมกับผู้อื่น ความรับผิดชอบ การมีจิตอาสา การคิดวิเคราะห์ ความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา ทักษะไอซีที (ICT skills) การเจรจาต่อรอง การสื่อสาร การจัดการความขัดแย้ง เป็นต้น ทักษะเหล่านี้สำคัญมากในการพัฒนาพลเมืองของแต่ละประเทศ พบว่าในหลักสูรและนโยบายของทุกประเทศในอาเซียนเน้นการพัฒนาทักษะเหล่านี้ นอกเหนือไปจากความรู้ทางวิชาการและเนื้อหาวิชา
ที่สำคัญไม่แพ้ความรู้และทักษะคือ เจตคติและความเชื่อ การศึกษาครั้งนี้พบว่า ความเชื่อและเจตคติของประชาชน พลเมืองในชาติมีความสัมพันธ์สูงต่อความพร้อมในการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของประเทศนั้น ๆ เช่น กัมพูชาและฟิลิปปินส์ มีทัศนคติทางบวก หรือทางที่ดีต่อการสร้างประชาคมอาเซียนเนื่องจาก พลเมืองของทั้งสองชาติมองเห็นโอการในการเดินทางทำมาหากินในภูมิภาค พลเมืองชาวฟิลิปปินส์มีความสามารถทางภาษาอังกฤษดีโดยเฉลี่ย และมีค่านิยมในการเดินทางเพื่อแสวงหาโอกาสในชีวิตมานานแล้ว ฟิลิปปินส์จึงมีความพร้อมสูงไม่ว่าจะเป็นการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนหรือประชาคมโลก
ในมิติของเจตคติและความเชื่อนี้ ยังหมายถึงความคิดเห็น ความเชื่อที่ถูกต้องและสร้างสรรค์ต่อส่วนรวมของชาติและของอาเซียน
สรุป
สิ่งที่ได้จากการวิจัยครั้งนี้ คือการได้มาซึ่งกรอบความคิดในการอธิบายองค์ประกอบของการเตรียมความพร้อมทางด้านการศึกษาเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การวิเคราะห์เอกสารและข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญสรุปได้ว่า ในทางการศึกษาทุกชาติสมาชิกมีการกำหนดนโยบายการพัฒนาประเทศให้สอดรับการการเปลี่ยนแปลงของโลกและของภูมิภาค งานวิจัยยังนำเสนอองค์ประกอบทั้งสี่ด้านของการพัฒนาพลเมืองอาเซียน
หากต้องการสร้างพลเมืองที่มีสมรรถนะ ทั้ง 4 ด้าน สิ่งที่แต่ละชาติควรทำในมิติของการศึกษา คือ การพัฒนาในเชิงรุกในมิติต่อไปนี้ กล่าวคือ สาระ การสอน การบริหารจัดการและสิ่งแวดล้อม
ทุกชาติสมาชิกต่างเตรียมตัวเพื่อการเข้าสู่การบูรณาการในระดับภูมิภาคหรืออาเซียน ในมิติที่หลากหลาย ทุกประเทศให้ความสำคัญสูงในการพัฒนาศักยภาพของพลเมืองของตน กลไกของอาเซียนเองก็ได้ให้การสนับสนุนและส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกัน การติดต่อไปมาหาสู่กับ เช่นการยกเว้นวีซ่า การจัดบริการรถสาธารณะระหว่างชาติสมาชิก เป็นต้น
อ้างอิง
http://www.dpu.ac.th/dpurc/assets/uploads/news/6i5jbv99usg0so.pdf
http://libdoc.dpu.ac.th/research/149789.pdf
1. ด้านนโยบายทางการศึกษา (National Policy)
2. ด้านความพร้อมของครูและบุคลากรทางการศึกษา (Teachers)
3. ด้านหลักสูตรและเนื้อหา (Curriculum and Contents)
4. ด้านการสอน (deliveries)
5. ด้านการบริหารจัดการทางการศึกษา (Management)
6. ด้านสิ่งแวดล้อมทางการศึกษา (Environment)
7. ด้านคุณภาพของนักเรียน - นักศึกษา
1. .ในส่วนของนโยบายทางการศึกษาระดับประเทศนั้น พบว่าทุกประเทศต่างให้ความสำคัญกับการพัฒนาคน โดยมองว่าการพัฒนาคนในชาติคือการพัฒนาประเทศ ทุกชาติสมาชิกมีการระบุถึงการพัฒนาทั้งด้านความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์
ยกตัวอย่างของประเทศไทย ไทยมีการกำหนดคุณลักษณะของพลเมืองที่พึงประสงค์เอาไว้ในแผนการศึกษาของชาติ หลักสูตรแกนกลาง ที่เน้นการบูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง เน้นการพัฒนากระบวนการคิด ทักษะชีวิต เป็นต้น
2. ด้านความพร้อมและการเตรียมตัวของบุคคลากรทางการศึกษา ครูยังมีความพร้อมน้อยในเรื่องความรู้และทักษะอาเซียน ยกเว้นบางประเทศที่มีความพร้อมสูงเช่น สิงคโปร์ บรูไนหรือมาเลเซีย
ในประเด็นนี้พบว่า บางประเทศมีงบประมาณในการพัฒนาครูน้อย ครู/อาจารย์ได้รับเงินเดือนและผลตอบแทนไม่มากนัก
อีกประเด็นคือ บทบาทของครูที่เปลี่ยนแปลงไป จากการมีบทบาทสูงมาสู่การมีบทบาทแคบกว่าเดิม
3. ด้านหลักสูตรและเนื้อหา พบว่ามีการบูรณาการสาระเกี่ยวกับอาเซียนในรายวิชา เช่นของประเทศไทย โรงเรียนตามชายแดนเริ่มสอนภาษาอาเซียน
หลักสูตรระดับปฐมศึกษาของสิงคโปร์ มุ่งเน้นการปลูกฝังค่านิยมที่ดีให้แก่นักเรียน เน้นการปลูกฝังความรับผิดชอบให้กับเด็ก พร้อม ๆ ไปกับการให้ความรู้ทางวิชาการ
4. การสอน พบว่าส่วนใหญ่ยังเน้นการสอนแบบดั้งเดิมคือยึดเอาครูเป็นศูนย์กลาง (teacher-centered instruction) มีการใช้เทคโนโลยีในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร้กี่ยวกับกิจกรรมของอาเซียนให้พลเมืองของตนเองได้รับรู้
5. ด้านการบริหารจัดการ พบว่า ทุกประเทศมีระบบการบริหารการศึกษาที่สอดรับกับนโยบายทางการศึกษาของชาติ
ชาติสมาชิกมีปัญหาและอุปสรรค ความท้าทายที่แตกต่างกัน อินโดนีเซียเป็นประเทศใหญ่ และมีลักษณะประเทศเป็นเกาะมากมาย มีจำนวนนักเรียนมาก จึงประสบปัญหาการบริหาร การจัดสรรงบประมาณ หากเทียบกับมาเลเซียที่มีความคล่องตัวมากกว่า
6. ด้านสิ่งแวดล้อมทางการศึกษา หมายถึงความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับชุมชน
7. ด้านคุณภาพของการศึกษา พบว่ามีความแตกต่างกัน ในมิติของภาษาอังกฤษ โอกาสในการเรียนรู้และศึกษาต่อ การเข้าถึงการศึกษา บางประเทศ เช่น สิงคโปร์มีผลการสอบตามที่วัดโดยข้อสอบมาตรฐานระหว่างประเทศสูง เช่นผลสอบ PISA
ในส่วนของการสอนและด้านสาระนั้น งานวิจัยนี้ได้เสนอโมเดลเพื่อการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนและประชาคมโลก ของไทย ดังนี้
1. ภาษาและวัฒนธรรม (Languages and Cultures)
2. ความรู้ (Knowledge)
3. ทักษะที่จำเป็นสำหรับประชาคมอาเซียนและประชาคมโลก
4. ความเชื่อและเจตคติ (Beliefs and Attitudes)
การสร้างประชาคมอาเซียนที่ยั่งยืนหมายถึงการที่พลเมืองอาเซียนมีความรู้และทักษะทางภาษาที่หลากหลาย นโยบายเกี่ยวกับภาษาและวัฒนธรรมจึงเป็นสิ่งสำคัญ ทุกประเทศเน้นการเรียนการสอนภาษาสากล เช่นภาษาอังกฤษ ภาษาที่มีบทบาททางเศรษฐกิจเช่น ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาเกาหลี ทั้งนี้ต้องไม่ละเลยการเรียนรู้ภาษาประจำชาติและให้ความสำคัญกับภาษาถิ่นในชาติของตน
สำหรับบริบทของไทยเรานั้น เราควร
"อนุรักษ์ภาษาถิ่น เช่น ภาษาเยอ ญอ กุย
เก่งภาษาไทย
ได้ภาษาอังกฤษ (หรือภาษาสากลอื่น ๆ เช่น ภาษาจีน หรือญี่ปุ่น)
กระชับมิตรฟุตฟิตภาษาเพื่อนบ้าน"
การเตรียมความพร้อมทางด้านความรู้หมายถึงความรู้ในเนื้อหาวิชา ทั้งวิชาพื้นฐานและวิชาเฉพาะ เช่นความรู้ทางด้านภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ รวมถึงความรู้เกี่ยวกับอาเซียนเช่น กฎบัตรอาเซียน ความรู้ที่ว่านี้นั้นยังรวมความถึงความรู้เกี่ยวกับชาติของตนเอง ประวัติศสตร์ องค์ประกอบของรัฐ เช่นของไทยก็ควรรู้เรื่องเมืองไทยอย่างถูกต้องและสร้างสรรค์
ในส่วนของทักษะอาเซียนและทักษะสากลนั้น หมายถึง ทักษะข้ามพิสัยต่าง ๆ เช่น การทำงานร่วมกับผู้อื่น ความรับผิดชอบ การมีจิตอาสา การคิดวิเคราะห์ ความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา ทักษะไอซีที (ICT skills) การเจรจาต่อรอง การสื่อสาร การจัดการความขัดแย้ง เป็นต้น ทักษะเหล่านี้สำคัญมากในการพัฒนาพลเมืองของแต่ละประเทศ พบว่าในหลักสูรและนโยบายของทุกประเทศในอาเซียนเน้นการพัฒนาทักษะเหล่านี้ นอกเหนือไปจากความรู้ทางวิชาการและเนื้อหาวิชา
ที่สำคัญไม่แพ้ความรู้และทักษะคือ เจตคติและความเชื่อ การศึกษาครั้งนี้พบว่า ความเชื่อและเจตคติของประชาชน พลเมืองในชาติมีความสัมพันธ์สูงต่อความพร้อมในการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของประเทศนั้น ๆ เช่น กัมพูชาและฟิลิปปินส์ มีทัศนคติทางบวก หรือทางที่ดีต่อการสร้างประชาคมอาเซียนเนื่องจาก พลเมืองของทั้งสองชาติมองเห็นโอการในการเดินทางทำมาหากินในภูมิภาค พลเมืองชาวฟิลิปปินส์มีความสามารถทางภาษาอังกฤษดีโดยเฉลี่ย และมีค่านิยมในการเดินทางเพื่อแสวงหาโอกาสในชีวิตมานานแล้ว ฟิลิปปินส์จึงมีความพร้อมสูงไม่ว่าจะเป็นการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนหรือประชาคมโลก
ในมิติของเจตคติและความเชื่อนี้ ยังหมายถึงความคิดเห็น ความเชื่อที่ถูกต้องและสร้างสรรค์ต่อส่วนรวมของชาติและของอาเซียน
สรุป
สิ่งที่ได้จากการวิจัยครั้งนี้ คือการได้มาซึ่งกรอบความคิดในการอธิบายองค์ประกอบของการเตรียมความพร้อมทางด้านการศึกษาเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การวิเคราะห์เอกสารและข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญสรุปได้ว่า ในทางการศึกษาทุกชาติสมาชิกมีการกำหนดนโยบายการพัฒนาประเทศให้สอดรับการการเปลี่ยนแปลงของโลกและของภูมิภาค งานวิจัยยังนำเสนอองค์ประกอบทั้งสี่ด้านของการพัฒนาพลเมืองอาเซียน
หากต้องการสร้างพลเมืองที่มีสมรรถนะ ทั้ง 4 ด้าน สิ่งที่แต่ละชาติควรทำในมิติของการศึกษา คือ การพัฒนาในเชิงรุกในมิติต่อไปนี้ กล่าวคือ สาระ การสอน การบริหารจัดการและสิ่งแวดล้อม
ทุกชาติสมาชิกต่างเตรียมตัวเพื่อการเข้าสู่การบูรณาการในระดับภูมิภาคหรืออาเซียน ในมิติที่หลากหลาย ทุกประเทศให้ความสำคัญสูงในการพัฒนาศักยภาพของพลเมืองของตน กลไกของอาเซียนเองก็ได้ให้การสนับสนุนและส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกัน การติดต่อไปมาหาสู่กับ เช่นการยกเว้นวีซ่า การจัดบริการรถสาธารณะระหว่างชาติสมาชิก เป็นต้น
อ้างอิง
http://www.dpu.ac.th/dpurc/assets/uploads/news/6i5jbv99usg0so.pdf
http://libdoc.dpu.ac.th/research/149789.pdf
แนวทางการเรียนรู้ภาษาอาเซียน (How to learn ASEAN languages more effectively and enjoyable)
บทความนี้นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ภาษาอาเซียน ที่ทั้งมีประสิทธิภาพและนำมาซึ่งความหมายในการเรียนรู้ เรียกว่าเรียนสนุกและเข้าใจลึกและรวดเร็ว โดยมีสมมติฐานที่ว่า ภาษาของประเทศเพื่อนบ้านควรเริ่มจากการเรียนรู้ความคล้ายคลึงกันของภาษาแบบความรู้ตามแนวตะเข็บชายแดน แบบชาวบ้านร้านค้า แบบขาวบ้าน หรือ The Folk Way
แต่ก่อนที่ผมจะนำเสนอแนวความคิดและแนวทาง ขอนำเสนอมูลเหตุที่ภาษาอาเซ๊ยนเริ่มได้รับความสนใจจากคนในสังคมไทยมากขึ้นทำไมต้องเป็นภาษาอาเซียนเริ่มเป็นที่ยอมรับกันมากขึ้นแล้วว่า การบูรณาการสังคม เศรษฐกิจและการเมืองในระดับภูมิภาค กอรปกับกระแสโลกาภิวัตน์แนวใหม่เริ่มส่งผลกระทบต่อสังคมและวัฒนธรรมของไทยและประเทศต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นนโยบายทงสังคม-วัฒนธรรมจึงสำคัญในการธำรงรักษาไว้ซึ่งอัตลักษณ์อันดีงามและประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรมของชาติ
ไทยเราเองก็ไม่ต่างกับชาติอื่น ๆ ที่ต้องมีแนวนโยบายและแผนปฏิบัติงานที่สอดคล้องและสามารถตอบสนองกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นการเดินทางติดต่อ ค้าขาย ท่องเที่ยว ทำงานระหว่างกันของประชาชน มีมากขึ้นเรื่อย ๆ และจะเพิ่มทั้งจำนวนและบทบาทมากขึ้นอีก สิ่งนี้ย่อมหมายถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคม จากสังคมที่ประกอบขึ้นด้วยวัฒนธรรมเดี่ยว หรือ mono-cultural state ไทยเริ่มเข้าสู่สภาวะของชาติที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมากขึ้น เรียกว่าเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม พหุอัตลักษณ์ หรือ multicultural society ภาษาถือเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม
การที่มีคนจากประเทศเพื่อนบ้านเดินทางมาทำงาน ท่องเที่ยว ติดต่อค้าขายกับไทย ย่อมหมายถึงการเข้ามาของภาษาประเทศเพื่อนบ้านอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้
การมีมุมมองหรือมีทัศนคติในแนวทางสร้างสรรค์ ทางบวกคือจุดเริ่มต้นที่ถูกต้อง การเรียนรู้ภาษาอาเซียนเช่นภาษาเมียนมา หรือ เขมร ควรมองว่าทั้งสองภาษาคือภาษาของคนไทยที่อาศัยอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดนด้วยเช่นกัน ไม่ควรมองว่าเป็นเรื่อไกลตัว เป็นสิ่งที่ยาก หรือ ต้องอาศัยทฤษฎีขั้นสูงในการเข้าใจ ไม่ควรมองภาษาเพื่อนบ้านแบบเดียวกับการมองภาษาตะวันตกบางภาษาที่วางตำแหน่งของภาษาเอาไว้ในที่สูงเกินไป แบบที่ชาวบ้านเอื้อมไม่ถึง
โดยธรรมชาติแล้ว ภาษาทุกภาษามีสถานะในการสื่อสารเท่าเทียมกัน แต่การให้คุณค่าของมนุษย์เราเองนี่แหละที่คือตัวปัญหา บางคนใช้ภาษาเป็นหน้ากาก หรือ mask ปิดกั้นตัวเองและคนอื่น ๆ สร้างมาตรฐานและกฎเกณฑ์ขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง
การที่ภาษาอาเซียนเพิ่งเริ่มเปิดตัว ผมจึงอยากให้มองภาษาอาเซียนแบบชาวบ้าน เหมือนเช่นที่อาจารย์สอนภาษาอินโดนีเซียเคยคุยกับผมว่า ภาษาอินโดนีเซียน ภาษามาเลย์ นั้นคือ " ภาษาบ้านเรา .
คำว่าภาษาบ้านเรา นี้ ในทัศนะของผมถือว่าถูกต้องเป็นอย่างยิ่ง ถูกต้องในหลาย ๆ มิติ ประการแรกคือ มันเป็นความจริง และเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้และเข้าถึง
การเน้นที่การสื่อสาร มากกว่าการเน้นความถูกต้องทางแกรมม่า หรือหลักไวยากรณ์ ทำให้การสื่อสารสนุกและมีความน่าสนใจ การ "ด้นสด ๆ " ไม่ต้องพิถีพิถันจนเกินไป ทำให้การพูดคุยสนุกและเป็นธรรมชาติ
ผมเคยได้ยินคุณพ่อพูดคำว่า "โตนา" กับ "มาซีบาย" สมัยยังเป็นเด็ก เวลาที่คุยกับชาวบ้าน เพื่อนบ้านที่เป็นชาวเขมรและส่วย (กุย) เรียกได้ว่าคุ้น ๆ หู แม้จะไม่มีใครบอกแต่ผมพอเดาได้ว่า "โตนา" คือ "ไปไหน" และการเรียกให้เขามาร่วมกินข้าวคือ "มาซีบาย" แม้พ่อจะไม่รู้คำว่า "โม. ที่แปลว่า มา ก็ตาม แต่การสื่อสารก็เชื่อมความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านและคนในท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี
แต่ก่อนที่ผมจะนำเสนอแนวความคิดและแนวทาง ขอนำเสนอมูลเหตุที่ภาษาอาเซ๊ยนเริ่มได้รับความสนใจจากคนในสังคมไทยมากขึ้นทำไมต้องเป็นภาษาอาเซียนเริ่มเป็นที่ยอมรับกันมากขึ้นแล้วว่า การบูรณาการสังคม เศรษฐกิจและการเมืองในระดับภูมิภาค กอรปกับกระแสโลกาภิวัตน์แนวใหม่เริ่มส่งผลกระทบต่อสังคมและวัฒนธรรมของไทยและประเทศต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นนโยบายทงสังคม-วัฒนธรรมจึงสำคัญในการธำรงรักษาไว้ซึ่งอัตลักษณ์อันดีงามและประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรมของชาติ
ไทยเราเองก็ไม่ต่างกับชาติอื่น ๆ ที่ต้องมีแนวนโยบายและแผนปฏิบัติงานที่สอดคล้องและสามารถตอบสนองกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นการเดินทางติดต่อ ค้าขาย ท่องเที่ยว ทำงานระหว่างกันของประชาชน มีมากขึ้นเรื่อย ๆ และจะเพิ่มทั้งจำนวนและบทบาทมากขึ้นอีก สิ่งนี้ย่อมหมายถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคม จากสังคมที่ประกอบขึ้นด้วยวัฒนธรรมเดี่ยว หรือ mono-cultural state ไทยเริ่มเข้าสู่สภาวะของชาติที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมากขึ้น เรียกว่าเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม พหุอัตลักษณ์ หรือ multicultural society ภาษาถือเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม
การที่มีคนจากประเทศเพื่อนบ้านเดินทางมาทำงาน ท่องเที่ยว ติดต่อค้าขายกับไทย ย่อมหมายถึงการเข้ามาของภาษาประเทศเพื่อนบ้านอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้
การมีมุมมองหรือมีทัศนคติในแนวทางสร้างสรรค์ ทางบวกคือจุดเริ่มต้นที่ถูกต้อง การเรียนรู้ภาษาอาเซียนเช่นภาษาเมียนมา หรือ เขมร ควรมองว่าทั้งสองภาษาคือภาษาของคนไทยที่อาศัยอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดนด้วยเช่นกัน ไม่ควรมองว่าเป็นเรื่อไกลตัว เป็นสิ่งที่ยาก หรือ ต้องอาศัยทฤษฎีขั้นสูงในการเข้าใจ ไม่ควรมองภาษาเพื่อนบ้านแบบเดียวกับการมองภาษาตะวันตกบางภาษาที่วางตำแหน่งของภาษาเอาไว้ในที่สูงเกินไป แบบที่ชาวบ้านเอื้อมไม่ถึง
โดยธรรมชาติแล้ว ภาษาทุกภาษามีสถานะในการสื่อสารเท่าเทียมกัน แต่การให้คุณค่าของมนุษย์เราเองนี่แหละที่คือตัวปัญหา บางคนใช้ภาษาเป็นหน้ากาก หรือ mask ปิดกั้นตัวเองและคนอื่น ๆ สร้างมาตรฐานและกฎเกณฑ์ขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง
การที่ภาษาอาเซียนเพิ่งเริ่มเปิดตัว ผมจึงอยากให้มองภาษาอาเซียนแบบชาวบ้าน เหมือนเช่นที่อาจารย์สอนภาษาอินโดนีเซียเคยคุยกับผมว่า ภาษาอินโดนีเซียน ภาษามาเลย์ นั้นคือ " ภาษาบ้านเรา .
คำว่าภาษาบ้านเรา นี้ ในทัศนะของผมถือว่าถูกต้องเป็นอย่างยิ่ง ถูกต้องในหลาย ๆ มิติ ประการแรกคือ มันเป็นความจริง และเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้และเข้าถึง
การเน้นที่การสื่อสาร มากกว่าการเน้นความถูกต้องทางแกรมม่า หรือหลักไวยากรณ์ ทำให้การสื่อสารสนุกและมีความน่าสนใจ การ "ด้นสด ๆ " ไม่ต้องพิถีพิถันจนเกินไป ทำให้การพูดคุยสนุกและเป็นธรรมชาติ
ผมเคยได้ยินคุณพ่อพูดคำว่า "โตนา" กับ "มาซีบาย" สมัยยังเป็นเด็ก เวลาที่คุยกับชาวบ้าน เพื่อนบ้านที่เป็นชาวเขมรและส่วย (กุย) เรียกได้ว่าคุ้น ๆ หู แม้จะไม่มีใครบอกแต่ผมพอเดาได้ว่า "โตนา" คือ "ไปไหน" และการเรียกให้เขามาร่วมกินข้าวคือ "มาซีบาย" แม้พ่อจะไม่รู้คำว่า "โม. ที่แปลว่า มา ก็ตาม แต่การสื่อสารก็เชื่อมความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านและคนในท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี
Thursday, May 14, 2015
Might is not always right.
Might is right. หมายถึง อำนาจ/กำลัง คือความถูกต้องเช่นIn this world today there are still some
leaders who think might is right.ในโลกเรา ทุกวันนี้
ยังมีผู้นำบางคนยังคงคิดว่าการใช้กำลัง/อำนาจเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
Friday, May 8, 2015
ทำไมจึงควรกระจายอำนาจทางการศึกษา
ทำไมจึงควรกระจายอำนาจทางการศึกษา
(Why it's immensely necessary to decentralize Thai education?)
I shall base my reasons on this framework. When we address the issue of education in a macro-scale, we should look into 4 dimensions.
1. Contents
2. Deliveries
3. Management
4. Environment
1. Contents
In the increasingly interconnected world, local contents matter. The centralized contents are not always suitable for the local context. The contents need to be up-to-date and relevant to the context. Decentralizing the contents can be done through local teachers working together to design their own courses, curriculum, and may be some research to develop their own contents.
Local experts or scholars can better be recruited to help facilitate students' learning. With this, local communities will be stronger and they will be able to withstand and cope with the dynamics of regional integration and 21st century globalization.
2. Deliveries
Deliveries deal with the ways to teach or instructional methods.
3. Management
4. Environment
2. Deliveries
3. Management
4. Environment
1. Contents
In the increasingly interconnected world, local contents matter. The centralized contents are not always suitable for the local context. The contents need to be up-to-date and relevant to the context. Decentralizing the contents can be done through local teachers working together to design their own courses, curriculum, and may be some research to develop their own contents.
Local experts or scholars can better be recruited to help facilitate students' learning. With this, local communities will be stronger and they will be able to withstand and cope with the dynamics of regional integration and 21st century globalization.
2. Deliveries
Deliveries deal with the ways to teach or instructional methods.
3. Management
4. Environment
Is Thailand a moral country?
Is Thailand a moral country?
Janpha Thadphoothon
This is a crucial question for every Thai to ponder upon. In a civilized world, and if Thailand aims to achieve such plane of human development, it should look beyond survival and growth. Indeed, it is time to take a big leap --- become a more moral country.
In the past, older generations viewed the Western models as an ideal. Now, it seems that the West themselves are unsure about their paths and directions.
It's time we Thais come to build the nation based on our intellectual nd moral capacities.
Janpha Thadphoothon
This is a crucial question for every Thai to ponder upon. In a civilized world, and if Thailand aims to achieve such plane of human development, it should look beyond survival and growth. Indeed, it is time to take a big leap --- become a more moral country.
In the past, older generations viewed the Western models as an ideal. Now, it seems that the West themselves are unsure about their paths and directions.
It's time we Thais come to build the nation based on our intellectual nd moral capacities.
Building a strong, prosperous, and sustainable Thailand for the 21st century
"Building a strong, prosperous, and sustainable Thailand for the 21st century"
This is a big task for Thailand and also the rest of the world. This does not mean that at present Thailand is weak or not strong enough. It is just to throw out an issue or 'dream' into the future. They say we need to have a dream or an overarching goal.
In terms of the economy, Thailand should not rely on using cheap labor. The industry should be friendly to the environment. More emphasis should be placed on skilled labor and professional development.
Education should be more effective, in terms of quality, accessibility, quantity, and equity.
This is a big task for Thailand and also the rest of the world. This does not mean that at present Thailand is weak or not strong enough. It is just to throw out an issue or 'dream' into the future. They say we need to have a dream or an overarching goal.
In terms of the economy, Thailand should not rely on using cheap labor. The industry should be friendly to the environment. More emphasis should be placed on skilled labor and professional development.
Education should be more effective, in terms of quality, accessibility, quantity, and equity.
Wednesday, May 6, 2015
Let’s become “A Proactive User of English.”
Let’s
become
“A Proactive User of English.”
We have choices when it comes to using English as a global language. One choice is to use it to express our cultural values.
Sunday, May 3, 2015
Dawei - BKK A New Silk Road?
Dawei - BKK A New Silk Road?
There are many land links between Thailand and Myanmar. The link from Dawei-Bangkok will be significant in terms of trade and new developments along the route.
Thailand's route to the border is ready. The road in Thaninthayi is under construction and is progressing as planned.
The estimated distance from Dawei to BKK is under 300 kilometers.
This road link will soon be completed and will be a new silk road. Trade will grow and the cooperation will be beneficial to both nations and beyond.
References
http://www.bangkokpost.com/business/news/462821/dawei-ready-to-roll-at-last
http://www.logistic.isuzu-tis.com/NewsActivitiesDetail.aspx?eventType=N&eventID=ET1200008
There are many land links between Thailand and Myanmar. The link from Dawei-Bangkok will be significant in terms of trade and new developments along the route.
Thailand's route to the border is ready. The road in Thaninthayi is under construction and is progressing as planned.
The estimated distance from Dawei to BKK is under 300 kilometers.
This road link will soon be completed and will be a new silk road. Trade will grow and the cooperation will be beneficial to both nations and beyond.
References
http://www.bangkokpost.com/business/news/462821/dawei-ready-to-roll-at-last
http://www.logistic.isuzu-tis.com/NewsActivitiesDetail.aspx?eventType=N&eventID=ET1200008
Subscribe to:
Posts (Atom)
Thailand and the World: A Personal Reflection
Thailand and the World: A Personal Reflection By Janpha Thadphoothon As we approach the conclusion of 2024, I find it fitting to reflect on ...
-
ชื่อเรียกตำแหน่งและวิทยฐานะของข้าราชการครูไทย ( Position Names and Academic Status of Thai Government Teachers) เรียบเรียงและแปลโดย ผศ.ดร. จ...
-
ศัพท์และสำนวนเกี่ยวกับเทศกาล ลอยกระทง จันทร์พา ทัดภูธร Words and Expressions about the Loy Krathong Festival คุณจะไปลอยกระทงที่ไหน = W...
-
การใช้ ้have/has yet + V3 ที่แปลว่า ยังไม่ การใช้ Yet ที่แปลว่า ยัง ใช้เป็นคำกริยาวิเศษณ์ (adverb) พบได้บ่อย ๆ เช่น There are three tig...