การปล่อยวาง (Letting Go) และการแสดงความเป็นเจ้าของในภาษาอังกฤษ (This is Mine!)
Janpha Thadphoothon
บทความนี้ขอพูดถึงเรื่อง การแสดงความเป็นเจ้าของ (Ownership) หรือ Possession ในภาษาอังกฤษ ในพระดับปรัชญานั้น การมีตัวตน ตัวกู ของกู ดังที่ท่านพุทธทาสได้กล่าวเอาไว้คือหนึ่งในสาเหตุของปัญหาในสังคมมนุษย์และสัตว์โลก
This is my/our dog/car/money/house/wife/son/country.
แท้จริงแล้ว
ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่แท้จริงเป็นของเรา การยึดติดกับสิ่งต่างๆ เพียงทำให้เรารู้สึกทุกข์ทรมานมากขึ้น การปล่อยวางและไม่ยึดติดกับสิ่งต่างๆ เป็นหนทางสู่ความสงบสุขและความสุขที่ยั่งยืนในชีวิต
แท้จริงแล้ว
ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่แท้จริงเป็นของเรา การยึดติดกับสิ่งต่างๆ เพียงทำให้เรารู้สึกทุกข์ทรมานมากขึ้น การปล่อยวางและไม่ยึดติดกับสิ่งต่างๆ เป็นหนทางสู่ความสงบสุขและความสุขที่ยั่งยืนในชีวิต
Nothing is our own,
Grasping brings us only pain,
Let go, find true peace.
Credit: DALLE |
การแสดงว่า X เป็นของ Y นั้น ในภาษาอังกฤษสามารถทำได้หลายรูปแบบ
1. การใช้ 's (apostrophe s)
เช่น
- This is Mike's car.
- Sarah's book is on the table.
- The cat's toy is missing.
- Lisa's laptop is on the desk.
สำหรับคำนามพหูพจน์ที่ลงท้ายด้วย "s" ให้ใส่ apostrophe หลัง "s" เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ เช่น:
- The dogs' owner (เจ้าของของสุนัขหลายตัว)
- The teachers' lounge (ห้องพักของครูหลายคน)
2. การใช้ "of"
เช่น
- The assets of my family.
- The apple of my heart.
- The title of the book is interesting.
- The door of the car is open.
3. การใช้คำขยาย (possessive adjectives)
เช่น
- You are my love.
- That's his house, not hers.
- Our team won the match.
4. การใช้คำขยาย (possessive pronouns)
เช่น
- The red car is mine.
- Those books are yours.
- The victory is ours.
5. การใช้คำนามแบบซ้อน / ผสม (compound nouns)
เช่น
- My brother's friend is visiting us.
- The company's policy is strict.
- The teacher's desk is organized.
6. การใช้วลีที่แสดงความเป็นเจ้าของ (possessive phrases)
เช่น
- The keys to the house are on the table.
- The color of the sky is beautiful.
- The door of the car is open.
7. การใช้ "whose" ในประโยคคำถามและประโยคความซ้อน (relative clauses)
เช่น
- Whose book is this?
- The man whose car was stolen is at the police station.
- The woman whose son won the prize is very proud.
8. การใช้คำว่า "own" เพื่อเน้นความเป็นเจ้าของ (emphasizing possession with "own")
เช่น
- She has her own car.
- They live in their own house.
- He has his own business.
9. การใช้ "belong to" เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ
เช่น
- This book belongs to me.
- The car belongs to my father.
- Those shoes belong to her.
การแสดงความเป็นเจ้าของในภาษาอังกฤษมีหลายวิธีที่สามารถใช้ได้ขึ้นอยู่กับบริบทและความเหมาะสมของการใช้ในแต่ละสถานการณ์ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้และการสอนภาษาอังกฤษของนักเรียนและครูทุกท่าน
หมายเหตุเชิงปรัชญาเกี่ยวกับการไม่ยึดติดกับสิ่งต่างๆ - ไม่มีอะไรที่แท้จริงเป็นของเรา (The Philosophy of no-self and Impermanence of Things)
ในโลกนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราคิดว่าเป็นของเรา แท้จริงแล้วเป็นเพียงสิ่งที่เรายืมใช้ในระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทอง บ้านเรือน รถยนต์ หรือแม้กระทั่งคนที่เรารัก ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นเพียงสิ่งชั่วคราวที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
ความไม่แน่นอนของสิ่งต่างๆ (Impermanence of Things )
ท่านพุทธทาสได้กล่าวไว้ว่า การยึดติดกับตัวตนและของกูของฉัน เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดความทุกข์ในสังคมมนุษย์และสัตว์โลก ความยึดติดนี้ทำให้เรารู้สึกทุกข์ทรมานเมื่อสิ่งที่เราคิดว่าเป็นของเราถูกพรากไปหรือเปลี่ยนแปลงไป
การปล่อยวาง (True Freedom)
การปล่อยวางหรือไม่ยึดติดกับสิ่งต่างๆ จึงเป็นการทำให้จิตใจของเราสงบสุขมากขึ้น เมื่อเรารู้ว่าไม่มีอะไรที่เป็นของเราอย่างแท้จริง เราก็สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและการสูญเสียได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียทรัพย์สิน การสูญเสียคนที่เรารัก หรือแม้กระทั่งการสูญเสียความมั่นคงในชีวิต
ปรัชญาแห่งการปล่อยวาง (Letting Go)
การปล่อยวางไม่ได้หมายความว่าเราต้องละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต แต่หมายถึงการไม่ยึดติดกับสิ่งต่างๆ มากเกินไป เราสามารถเพลิดเพลินกับสิ่งที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน แต่ต้องรู้ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ยั่งยืนและสามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
Letting go of all,
Freedom in a fleeting world,
Peace within the flow.
Freedom in a fleeting world,
Peace within the flow.
ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่แท้จริงเป็นของเรา การยึดติดกับสิ่งต่างๆ เพียงทำให้เรารู้สึกทุกข์ทรมานมากขึ้น การปล่อยวางและไม่ยึดติดกับสิ่งต่างๆ เป็นหนทางสู่ความสงบสุขและความสุขที่ยั่งยืนในชีวิต
Nothing in this world is truly ours. Attaching to things only makes us suffer more. Letting go and not clinging to things is the path to lasting peace and happiness in life.
Nothing in this world is truly ours. Attaching to things only makes us suffer more. Letting go and not clinging to things is the path to lasting peace and happiness in life.
Janpha Thadphoothon is an assistant professor of ELT at the International College, Dhurakij Pundit University in Bangkok, Thailand. Janpha Thadphoothon also holds a certificate of Generative AI with Large Language Models issued by DeepLearning.AI.
No comments:
Post a Comment